ตึกไทยคู่ฟ้า
ภาพตึกโบราณไทยคู่ฟ้าสถาปัตยกรรมแบบยุโรปสีน้ำตาลงามสง่าท่ามกลางท้องฟ้าสีครามเข้มแซมเมฆขาว และสีเขียวของสนามหญ้าหน้าตึก รวมทั้งต้นไม้ที่รายล้อมนั้นช่างสง่างามยิ่งนัก

อาคารสองชั้นถูกออกแบบก่อสร้างขึ้นบนพื้นที่ ๒๗ ไร่ ๓ งาน ๔๔ ตารางวาของบ้านนรสิงห์ เพื่อให้เกิดประโยชน์ใช้สอยสูงสุดในทําเนียบรัฐบาล นอกจากนี้ แล้วยังมีอาคารเก่าที่เหลืออยู่ในบริเวณ คือ ตึกนารีสโมสร และตึกแสงอาทิตย์ ตึกไกรสรเป็นอาคารหลักของบ้านนรสิงห์ เชื่อกันว่าเจ้าของบ้านนําพระนาม ย่อของต้นราชสกุล “พึ่งบุญ ณ อยุธยา” คือ พระเจ้า บรมวงศ์เธอ กรมหลวงรักษ์รณเรศ ซึ่งมีพระนามเดิมว่า “พระองค์เจ้าไกรสร” มาตั้งเป็นชื่อเรียก ตึก ไกรสรซึ่งต่อมาถูกเปลี่ยนชื่อเป็น ตึกไทยคู่ฟ้า มีลักษณะสถาปัตยกรรมและมัณฑนศิลป์ที่เป็นเอกหลังหนึ่งของอาคารในประเทศไทย ด้วยความสวยสะกดทุก สายตา ทั้งด้านนอกและในตึก เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่า ควรค่าที่จะอนุรักษ์ไว้ให้อยู่ในสภาพเดิมทุกประการ และนั่นคือเหตุผลที่ทําให้อาคารหลัง นี้ได้รับรางวัลอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรมดีเด่นประจําปี ๒๕๓๒ จากสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์

 



ตึกไทยคู่ฟ้าได้รับการออกแบบสร้างสไตล์โกธิคแบบเวนิส ตัวอาคารมีความสูง ๒ ชั้น ชั้นหลังคาสร้างเป็นดาดฟ้ามีทางเดินสามารถเดินวนได้รอบ ผนังนอก ตึกประดับด้วยหินล้างพิเศษมีรูพรุนเล็ก ๆ ตกแต่งลวดลายปูนปั้นอย่างวิจิตรบรรจงทุก ส่วน ทั้งส่วนบัวหรือส่วนประดับผนังตอนบนและตอนล่าง ซุ้มกรอบ ประตูหน้าต่าง ราวระบียง เฉลียง เสาธง เสาลอย ชายคา เท้าแขน เชิงชาย และช่วงลูกฟักของผนัง ผนังภายนอกบางส่วนทาสีคล้าย สีกําแพงหินอ่อนสีกุหลาบของวังคาโดโร ดูกลมกลืนและประณีตมาก

ผังอาคารเป็นรูปเกือกม้า โดยมีห้องต่าง ๆ อยู่ ๒ ปีก เชื่อมต่อกันด้วยโถงบันไดใหญ่ตรงกลาง ด้านหน้าทางเข้าเป็นซุ้มคลุมพื้นที่จอดรถ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของถนนที่โอบล้อมสนามหญ้ารูปวงรี ซุ้มประตูหน้าต่างชั้นล่างของอาคารเน้นรูปโค้งปูนปั้นลายโกธิค ส่วนชั้นบนเป็นเสากลมมีลวดลายโกธิคด้านบน ด้านปีกขวาของอาคารเป็นห้องกลมยื่นออกมาจากผนัง มีหลังคาคลุมเป็นโดมคอนกรีตบุลวดลายโมเสคสีทอง ส่วนปีกซ้ายเป็นหอคอยสี่เหลี่ยมยื่นออกมา มีความสูงเท่าอาคาร ๓ ชั้น ติดกับหอคอยมีหอแปดเหลี่ยมเล็กติดตั้งเสาธงชาติบนยอด ส่วนด้านหลังตรงกลางมีบันไดทางขึ้นจากภายนอกอาคาร และปีกขวาทำเป็นบันไดเวียนเล็กเชื่อมระหว่างชั้น ทั้งเครื่องประดับ โค้งประตูหน้าต่าง กำแพงโดมหัวเสา ขอบระเบียง เชิงหลังคา ล้วนถอดแบบมาจากวังคาโดโรที่นครเวนิส

จำลองรูปภาพ

ส่วนหลังของตึกจะมีประตูทางเข้าเล็ก ๆ ภายในมีบันไดเวียน เป็นโค้งครึ่งวงกลม ๙ ชั้น ที่น่ามหัศจรรย์ก็คือไม่ว่าจะมองขึ้น หรือมองลงมาที่ช่องบันไดล้วนสวยงาม เมื่อเดินไปถึงชั้นบนสุด ผ่านประตูบานเล็กออกไปด้านนอก สิ่งแรกที่พบเห็นและสะดุดตามากคือ หลังคากระเบื้องสี่เหลี่ยมหน้าวัวสีอิฐรอบ ๆ หลังคาทางเดินให้เดินวนได้รอบหลังคาตึก ทั้งโดม ยอดตึก และเชิงหลังคาติดตราสํานักนายกรัฐมนตรี บริเวณระเบียงหลังคาด้านหน้าของตึกมีซุ้มประดิษฐานพระพรหม หล่อโลหะสัมฤทธิ์เหลืองอร่ามตระการตา เพื่อเป็นสิริมงคลและให้กราบไหว้ขอพร มุมอาคารทางตะวันตกเฉียงใต้หักเหลี่ยมโค้งไปตามมุมตึก ตามเท้าแขนของริมชายคา กันสาด ระเบียง และปลายรางน้ำฝนจะเห็นปูนปั้นรูปหัวไก่ประดับ มีผู้สันนิษฐานว่าเป็นดําริของจอมพล ป. พิบูลสงคราม เนื่องจากท่านเกิดปีระกา แต่มีหลายคนที่เคยอาศัยอยู่ในบริเวณบ้านนรสิงห์ ยืนยันว่า เดิมก็เป็นรูปหัวไก่ไม่ใช่ของที่ทําใหม่ เพราะคุณหญิง ประจวบ พึ่งบุญ ภริยาเจ้าของบ้านเกิดปีระกา

ด้านในตัวตึกไทยคู่ฟ้า ตอนกลางของตึกชั้นล่างเป็นห้องโถงกว้าง มีบันไดหินอ่อนทอดขึ้นสู่ชั้นบน แยกเป็นสองทางซ้าย - ขวา ผนังกลางโถงบันไดประดับตรารัฐธรรมนูญฉบับแรก ส่วนอีกสองกรอบซ้ายขวาคือช่องระบายอากาศ ซึ่งออกแบบลวดลายพรางสายตา นี่เป็นภูมิปัญญาของช่างชาวอิตาลีที่เมื่อดินรับน้ำจากสระด้านหลังตึกเข้ามาในอาคารจนถึงชั้นหินอ่อนจะนำความเย็นเข้ามาภายในอาคารด้วย และจะทำให้ห้องมีความเย็นตลอดเวลา

 

ชื่อเรียกห้องสําคัญในตึกไทยคู่ฟ้า
ห้องสําคัญต่าง ๆ ภายในตึกไทยคู่ฟ้าได้รับการตั้งชื่อเป็นห้องสีต่าง ๆ การออกแบบตกแต่งจึงถูกกำหนดบรรยากาศภายในห้อง รวมถึง ของตกแต่ง และเฟอร์นิเจอร์ให้เป็นสีตามชื่อห้อง